เตรียมสัมผัสประสบการณ์การเดินทางครั้งใหม่กับ “อาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์”

 

โรงแรม “อาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์” โรงแรมแบรนด์ใหม่ในเครือโรงแรมดุสิตอินเตอร์เนชั่นแนล พร้อมแล้วที่จะเปิดประสบการณ์ครั้งใหม่ให้กับนักเดินทางทุกคนตั้งแต่กลางเดือนกันยายนนี้ ด้วยสไตล์ที่แตกต่างจากโรงแรมทั่วไปที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการด้วยการสัมผัสกับท้องถิ่นและวิถีชีวิตในชุมชนในย่านเยาวราช รวมถึงสถานที่สำคัญรอบๆ โดยเฉพาะในย่านเมืองเก่าและรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เดินทางง่ายด้วยระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน พร้อมให้บริการด้วยห้องพักสไตล์มินิมอล แต่คงความสะดวกสบายระดับลักซูรี่ ไม่ว่าจะห้องนอน หรืออุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้ำ เพื่อให้แขกคนพิเศษให้รับการบริการระดับดีเยี่ยมในบรรยากาศที่เป็นกันเอง

 

S__630030370

 

“อาศัยเป็นโรงแรมไลฟ์สไตล์ที่จะเชื่อมโยงนักเดินทางกลุ่มหัวใจมิลเลนเนียลที่อยากลองสิ่งใหม่ ชอบความแตกต่าง มีความสนใจวิถีความเป็นอยู่ของชุมชนในแต่ละท้องถิ่นนั้นๆ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องการความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายในสไตล์มินิมอล และสนใจเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งนักเดินทางกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว และโรงแรมอาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ ที่กำลังจะเปิดให้บริการในกลางเดือนกันยายนนี้ จะตอบสนองความต้องการของนักเดินทางกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี” คุณแชมป์-ศิรเดช โทณวณิก กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาศัย โฮลดิ้งส์ จำกัด ผู้บริหารโรงแรมแบรนด์ “อาศัย” กล่าว

 

โรงแรม “อาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์” ASAI Bangkok Chinatown เป็นโรงแรมแห่งแรกที่เปิดตัวภายใต้แบรนด์ “อาศัย” โดยตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดในย่านเยาวราช เนื่องจากตั้งอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีวัดมังกร เพียง 100 เมตรเท่านั้น  ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสกับบรรยากาศที่คึกคักตามวิถีชีวิตที่แท้จริงของชุมชน ตั้งแต่ร้านอาหารแนวสตรีทฟู้ดส์ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ศาลเจ้า วัดไทย วัดจีน วัดญวณ หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ รวมถึงคาเฟ่ร่วมสมัยที่แทรกตัวอยู่ในตึกเก่าของเยาวราชแล้ว ลูกค้าของโรงแรมยังสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ ไม่ว่าจะเป็นย่านเมืองเก่า รวมถึงชุมชนรอบเกาะรัตนโกสินทร์ หรือจะเดินทางเข้าสู่ย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ อย่างง่ายดาย ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ

 

“ดังนั้น โรงแรมอาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ จึงรองรับนักเดินทางได้ทุกกลุ่ม ทั้งนักท่องเที่ยวที่ชอบเดินทางคนเดียว หรือเดินทางเป็นกลุ่ม หรือแม้กระทั่งการเดินทางเป็นครอบครัว รวมถึงนักธุรกิจที่ต้องการที่พักใจกลางเมือง และสามารถสัมผัสกับประสบการณ์ท้องถิ่น หรือใช้ชีวิต Night Life ในย่านเยาวราชได้อย่างใกล้ชิด โดยพนักงานของอาศัยทุกคน สามารถทำหน้าที่เป็น Local Connector ที่จะแนะนำการเดินทางไปในสถานที่หรือชุมชนต่างๆ  เช่น สถานที่ท่องเที่ยวเด่น  ร้านอาหารอร่อยๆ หรือจุดเช็คอิน ให้กับลูกค้า หากลูกค้าต้องการ”

 

S__630030371

 

ทั้งนี้ โรงแรมอาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ มีจำนวนทั้งหมด 224 ห้อง ได้รับการตกแต่งในรูปแบบร่วมสมัยผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทย-จีน เพื่อสะท้อนคาแรคเตอร์ของย่านที่โรงแรมตั้งอยู่ โดยห้องพักจะมีขนาดกะทัดรัดระหว่าง 17 – 26 ตารางเมตร เน้นองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับนักเดินทาง เช่น พื้นที่วางกระเป๋า เตียงคุณภาพดีเยี่ยม ฝักบัวอาบน้ำแรงดันสูง และมุมทำงาน

 

ในขณะเดียวกัน พื้นที่ส่วนกลางจะมีความกว้างขวางตามคอนเซปต์ Eat, Work, Play  ที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองการใช้งานรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กิน ดื่ม ทำงาน หรือ พักผ่อนร่วมกันอย่างสะดวกสบาย ดังนั้น ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์การเข้าพักแบบลักซูรี่ ในราคาที่สัมผัสได้ เพื่อตอบโจทย์ Affordable Lifestyle ของลูกค้าอย่างแท้จริง

 

ในส่วนของร้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีชื่อว่า JAM JAM Eatery & Bar จะเป็นการผสมผสานของร้านอาหารกับบาร์ เพื่อให้เป็นพื้นที่สังสรร แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในบรรยากาศสบายๆ ผ่อนคลายเป็นกันเอง ให้บริการอาหารเช้า รวมถึงแบบ All-day Dining  มีเมนูให้เลือกหลากหลายตั้งแต่อาหารตะวันตกยอดนิยม อาหารเอเชียจานโปรด อาหารตามฤดูกาล  รวมถึงเครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ น้ำผลไม้ ไปจนถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สำหรับสายสุขภาพแต่ใจรักการดื่มไวน์ ไบโอไดนามิคไวน์ และเนเชอรัลไวน์อาจจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ นอกจากนี้ก็ยังมี สาเก และเบียร์ชายเลน ซึ่งเป็นเบียร์ของแบรนด์อาศัยที่ตั้งใจทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับอาศัยไชน่าทาวน์ นอกจากนี้รายได้จากการขายเบียร์ชายเลนอาศัยไชน่าทาวน์จะนำส่วนหนึ่งไปมอบให้กับองค์กรที่ดูแลปกป้องป่าชายเลน โดยเบียร์ชายเลน จะให้รสชาติละมุน นุ่มลิ้น ดื่มง่าย เพราะผสมน้ำมะพร้าวลงไปได้อย่างลงตัว

 

นอกจากนี้ เชฟนุ่ม ชาริญญย์ Executive Chef ของทีมอาศัย ยังทำงานร่วมกับเชฟชื่อดังต่างๆ  เช่น เชฟ Paolo Vitaletti และเชฟ Jarrett Wrisley แห่งร้าน Appia, Peppina และ Soul Food ที่มาช่วยคิดเมนูพิเศษ เช่น ‘Chinatown Benedict’ ที่ใช้ไข่อินทรีย์ที่คัดสรรพิเศษ ปรุงร่วมกับเป็ดย่างและซอสเอ็กซ์โอ ซึ่งเป็นเมนูที่ได้รับอิทธิพลและแรงบันดาลใจจากย่านเยาวราช  และยังร่วมงานกับเชฟนิด ภูมิพัสตร์ แห่งร้านเธียนดอง ซึ่งเป็นร้านอาหารเวียดนามของบ้านดุสิตธานี  ในการคัดเลือกสมุนไพรและผักสดจากสวนผักออร์แกนิกของโรงแรมอาศัย รังสรรเป็นเมนู ‘Fresh Spring Rolls’ เพื่อให้จะบริการในช่วงมื้อค่ำ และอีกหลายเมนูที่อยู่ในขั้นตอนการเตรียมงาน

 

“ศิรเดช” บอกด้วยว่า วิถีการทำอาหารของโรงแรมอาศัย จะให้ความสำคัญกับ Food waste ซึ่งพยายามที่จะลดการสูญเสียวัตถุดิบในระหว่างการประกอบอาหาร และสร้างสรรรูปแบบเมนูอาหารที่พอเพียง นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืน โรงแรมยังได้ผนึกความร่วมมือกับ Akha Ama ซึ่งเป็นองค์กรช่วยเหลือสังคมในการปลูกกาแฟอินทรีย์ในภาคเหนือของประเทศไทย เพื่อจัดหาเมล็ดอาราบิก้า 100% จากโครงการมาบริการให้กับลูกค้าของโรงแรมอีกด้วย

 

“ถ้าจะย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของแบรนด์ “อาศัย” ซึ่งเราวางวัตถุประสงค์หลักไว้ 4 ประการ ได้แก่ การออกแบบพื้นที่ใช้สอยด้วยความใส่ใจในรายละเอียดและองค์ประกอบต่างๆ (Thoughtful Essentials), การจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางสำหรับแขกและลูกค้าในท้องถิ่นเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ระหว่างกัน (Common Ground),  การสร้างแนวคิดสถานที่คือแรงบันดาลใจ เพื่อสร้างความเข้าถึงความเป็นท้องถิ่นอย่างแท้จริงและการเชื่อมต่อผู้คนจากวัฒนธรรมที่แตกต่าง (Authentic Connections), และรวมไปถึงการให้ความสำคัญกับแนวคิดในการสร้างความยั่งยืนให้กับการดำเนินงานธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมนุษย์โลก (A Sustainable Ecosystem) ผมถือว่า โรงแรมอาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ เป็นคำตอบสุดท้ายที่เติมเต็มทุกโจทย์ที่เราวางไว้ได้อย่างครบถ้วน และผมอยากเห็นนักเดินทางทุกท่านมีความสุขกับสิ่งที่เราตั้งใจส่งมอบประสบการณ์แบบ Local Experience ให้ทุกท่าน ซึ่งผมเชื่อว่า คนไทยหลายๆ คนก็อาจจะยังไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน ศิริเดช กล่าว

 

และนอกเหนือจากโรงแรมอาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ ซึ่งจะเป็นแห่งแรกที่จะเปิดแล้ว แบรนด์ “อาศัย” ยังมีโรงแรมอีก 5 แห่งที่อยู่ในแผนดำเนินงานในระยะต่อไป ได้แก่ โรงแรมอาศัย จำนวน 3 แห่งในเซบู ฟิลิปปินส์ อีก 1 แห่งในย่างกุ้ง เมียนมา ซึ่งอยู่ในเขตเมืองยานคินอันเก่าแก่ และอีก 1 แห่งจะเป็นโรงแรมแห่งที่สองในกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ในเขตสาทร โดยคาดว่า จะทยอยเปิดให้บริการได้ตั้งแต่ต้นปี 2564 เป็นต้นไป