ทริปนี้ผมจะขอพาไปชมสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งแปลกตาดีและก็แปลกใจว่าจะไปทำไม… จะเรียกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยก็ไม่เชิง เพราะก็เห็นมีจัดทัวร์ชมที่นี่ด้วย สืบเนื่องจากต้นปีที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปทำงานช่วงสั้นๆที่มุมไบ ประเทศอินเดีย ครับ ก็เลยลองหาที่เที่ยวต่างๆดู ก็ไปเจอว่ามีที่เที่ยวแปลกๆอย่าง “ทัวร์สลัม Dharavi” ซึ่งฟังดูแล้วก็น่าจะดูแปลกตาแปลกใจดีครับ… พอปิดคอมเสร็จ โทรหาไกด์ท้องถิ่นทันที “I want to go this place…Dharavi”
สำหรับทริปนี้ผมก็จองตั๋วเครื่องบินมามุมไบ ผ่านทาง Traveloka อีกเช่นเคย เรียกได้ว่าจองผ่านเป็นประจำเพราะแอบเห็นมี Code ส่วนลดออกมาตลอด ทั้งในและต่างประเทศเลย คุ้มมากๆ
สำหรับ Dharavi นั้น คือชื่อของสลัมแห่งหนึ่งในมุมไบ ประเทศอินเดีย ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในสลัมบนโลกที่ใหญ่ที่สุด แออัดที่สุด และคือต้นกำเนิดของคำว่า “สลัม” ด้วยครับ หรือเราๆมักจะติดปากว่า “สลัมบอมเบย์” นั่นเอง ข้อมูลนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนนะครับ เพราะผมก็ฟังจากไกด์ท้องถิ่นมาอีกที …ไกด์คนนี้มีชื่อว่า “Mr. Imran” ครับ แกจะเป็นคนพูดมาก หนักไปทางโม้ และนี่พามาทัวร์สลัม ก็ยังต้องแต่งหล่อซะขนาดนี้…
สำหรับการมาเที่ยวที่สลัม Dharavi แห่งนี้ ผมเองเหมาทัวร์ตลอดทั้งทริปกับแกไปอยู่แล้ว แต่ส่วนใครที่จะมาเที่ยวที่สลัม Dharavi เอง ก็สามารถไปหาทัวร์ท้องถิ่นได้เหมือนกันครับ ผมเห็นมีหลายบริษัทก็รับพาทัวร์นี้อยู่ แต่ราคาไม่ทราบจริงๆ
ปล. แต่ถ้าใครอยากทะลึ่งๆมาเที่ยวเองที่นี่ ไม่แนะนำนะครับ ควรจะมากับไกด์ท้องถิ่นจริงๆ เพราะสลัมก็คือสลัมครับ อันตรายแน่นอนและอาจจะหลงทางได้ด้วย ข้างในนี่เขาวงกตชัดๆ
นี่คือจุดเริ่มต้นทางเข้าไปในสลัมครับ ซึ่งแค่ทางเข้าก็สามารถรับกลิ่นพิลึกๆได้แล้ว ใครมีปัญหารับกลิ่นแปลกๆไม่ได้ ผมว่าไม่รอดตั้งแต่ทางเข้าแน่นอน
ในช่วงทางเดินเริ่มต้น ก็ยังชิลๆดีครับ ทางเดินกว้าง มีพื้นที่เดินหลบขี้หมาได้อยู่ เดินทักทายชาวบ้านและเด็กๆ ทุกคนเป็นมิตรมากๆ มีอย่างเดียวที่สุดๆก็คือ…กลิ่นครับ
ที่มาของกลิ่นก็คงเป็นบริเวณนี้แหละครับ เป็นห้องน้ำรวม ที่โดยเฉลี่ยจะมีผู้มาใช้ปลดทุกข์ถึง 1500 คนต่อวัน ข้อมูลนี้ได้มาจากไกด์ท้องถิ่น ที่กำลังยืนเล่าได้แบบไม่สะทกสะท้านเลย… ส่วนผมกับน้องที่ไปด้วยอีกคนนี่คงไม่ต้องถามครับ ยอมเลย…กลิ่นสุดยอดมากๆ
ถัดจากตรงนี้เข้าไป ทางเดินก็จะเริ่มเป็นตรอกเล็กๆเข้าไปครับ และบรรยากาศรอบๆ ก็ดูเหมือนพวกเรากำลังถูกจ้องมอง ซึ่งชาวบ้านในนี้ก็คงแปลกใจเหมือนกันนะครับว่า พวกแกมาทำอะไรกัน….
ระหว่างที่เดินลัดเลาะไปเรื่อย… ก็ได้ยินเสียงเด็กๆครับ รวมตัวกันแต่ไกลๆ มีประมาณเกินสิบคนได้ และก็ค่อยๆวิ่งเข้ามาหาพวกเรา ซึ่งวินาทีนั้นบอกเลยครับ ต้องหนีปะวะ… แต่เห็นไกด์เรายืนโบกมือทักทาย เฮฮาอยู่ ก็เลยคิดว่าน่าจะโอเคมั่ง 555
จริงๆ พวกเด็กๆที่นี่เป็นมิตรมากครับ ไกด์บอกว่า ถ้ามาคราวหน้าพกขนมมาด้วยก็ดี พวกเค้าคิดว่า พวกเราจะมีขนมมาแจก ถ้าใครมีโอกาสแวะไปเที่ยวที่นี่ ก็อย่าลืมฝากเอาขนมไปแจกเด็กๆ ด้วยนะครับ
แม้ว่าผมเองไม่ได้พกขนมอะไรเข้าไปเลย ไปแต่ตัวและกล้องตัวนึงจริงๆ แต่เด็กๆก็สามารถเฮฮา และสนุกไปกับการถ่ายรูปของผมได้เหมือนกัน จริงๆแล้วถ่ายไปเยอะมากนะครับ เซลฟง เซลฟี่ ไปหลายรูปเลย…
เดินลึกเข้าไปอีก ทางเดินก็เหลือเพียงเท่านี้ ส่วนไกด์เราก็ทำหน้าที่ได้ดีครับ โบกมือทักทาย ขอเดินผ่าน… พร้อมแนะนำว่า พวกเค้ามาจากประเทศไทยนะ 555 …. จะบอกทำไมก็ไม่รู้
ป้าคนนี้น่ารักและเป็นมิตรมากครับ จะชวนเข้าไปดูในบ้านด้วย แต่ไอไกด์ผมมันเดินเลยไปละ ก็เลยบอกแกว่าคราวหน้าๆ ไม่พลาดนะ
มาถึงจุดนึงที่ไกด์เค้าบอกพวกเราว่าเป็นไฮไลท์เลยนะครับ คือ Dark Zone จะเป็นช่องแคบมืดๆ เพราะความแออัดบดบังแสงอาทิตย์เอาไว้ ทำให้มีแสงรอดลงมาเพียงน้อยนิด อีกทั้งยังเป็นทางเดินยาวหลายสิบเมตรด้วย ลองจินตนาการดูนะครับ ว่าทั้งมืด ทั้งแคบ ทางเดินยาวและก็กลิ่น… เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์สนุกๆ ที่ได้มาเจอจริงๆ
พอพ้นออกจาก Dark Zone แล้ว ก็มาเจอพี่หน้าเหลืองเลย ตกใจเล็กน้อย…
ทางเดินกลับมาเป็นปกติ ได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านของที่นี่อีกครั้ง
จริงๆแล้ว ชาวบ้านที่นี่เป็นมิตรกันแทบทุกหลังเลยครับ อาจจะมีการจัดทัวร์เข้ามาบ่อย พวกเค้าก็เลยจะชินกัน
เดินลัดเลาะไปเรื่อย ก็มีจุดพักขายน้ำ ขายขนมกันด้วย
ในสลัมก็มีมุมฮิปสเตอร์เหมือนกันนะครับ…
เดินวนไปวนมา ก็ออกมาที่ทางเดินปกติครับ ทีนี้ลองไปดูกันต่อว่าคนที่นี่ส่วนใหญ่ ยามว่างเค้าทำอะไรกัน และมีงานมีการอะไรทำกันบ้าง
ร้านตัดผมครับ ร้านนี้เป็นมิตรมาก จะชวนให้เข้าไปตัดด้วย ถ้ามีเวลานี่ผมเอาจริงนะ…
โรงหนังครับ มีอยู่สองสามแห่งในสลัมนี้ คนแน่นตลอดด้วย…
ร้านทำผมนี้ไฮโซขึ้นมาหน่อย มีติดแอร์ด้วย
ขนมนี้เห็นมีขายทั่วเมืองเลย แต่ไม่รู้เรียกว่าอะไร
ระหว่างที่เดินถ่ายรูปสุดชิลอยู่ ก็เป็นเวลาพักช่วงบ่ายของคนที่นี่พอดีครับ ไกด์เค้าบอกว่านี่คือช่วง Afternoon Tea นั่นเอง ผู้คนจากเดิมที่ว่าเยอะอยู่แล้ว ทีนี้มาเต็มเลยครับ ก็เลยได้โอกาสกลับกันดีกว่า…
ระหว่างทางกลับ ไกด์เราก็ชวนดื่ม Afternoon Tea ท้องถิ่นของที่นี่ด้วย แต่ผมไม่ได้ทานนะครับ แอบเสียดายเล็กๆอยู่เหมือนกัน เพราะตอนนั้นท้องไม่ค่อยดีอยู่ เลยไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ครับ
หลังจากที่พวกเราออกมาจากสลัม Dharavi แล้ว ก็มีโอกาส ได้ผ่านมายังอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจเหมือนกัน ก็คือ Dhobi Ghat ที่นี่คือ “แหล่งซักผ้ากลางแจ้ง” ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในโลกเลยครับ หลักๆก็จะรับซักผ้าที่มาจากตามโรงแรมต่างๆในเมืองมุมไบ
รู้สึกว่าตัวเองโชคดีอยู่อย่างนึงครับ ที่เพิ่งมารู้ว่า โรงแรมที่นี่ส่วนใหญ่จะส่งมาซักที่นี่… 555 พอดีวันนั้นเป็นวันบินกลับไทยครับ ไม่ต้องค้าง และใช้ผ้าที่โรงแรมอีกแล้ว ที่ผ่านมา ก็ให้มันแล้วไป…
ซักไป อาบน้ำไป ซักไป แปรงฟันล้างหน้าไป เออมีโกนหนวดด้วย ยอมเลยจริงๆ…
ก็ขอจบรีวิวแต่เพียงเท่านี้นะครับ ก็หวังว่าถ้าใครมาเที่ยวมุมไบแล้ว ก็ลองแวะมาเที่ยวที่ Dharavi ดูนะครับ ทริปนี้ผมถือว่าได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่จริงๆ ได้เห็นชีวิตของผู้คนในอีกมุมมองหนึ่ง และสามารถมาเห็นชีวิตการเป็นอยู่ในสลัมแบบที่ Real จริงๆ ซึ่งผู้คนที่นี่ ชาวบ้านและเด็กๆ ก็เป็นมิตรมากๆ ซึ่งก็สัมผัสได้เลย ถึงแม้จะเป็นสลัมที่แออัด แต่พวกเค้าก็มีความสุขได้ มันจะทำให้คุณเข้าใจว่า “ไม่มีที่ใด จะสุขเท่าบ้านของเรา” …สลัม บ้านของพวกเขา ก็เช่นกัน…
…สวัสดีครับ
Written by 9journeythailand