รีวิวนี้จะพาทุกท่านไปย้อนอดีตกับรีสอร์ทสุดอลังอย่าง “Away Kanchanaburi Dheva Mantra Resort & Spa” เป็นความสวยงามในแบบสไตล์โคโลเนียล อารมณ์ประหนึ่งเหมือนได้เข้าวังเลย พวกเรามาพักกัน 2 คืนเต็มครับทริปนี้ ได้เก็บรายละเอียดต่างๆ ทั้งห้องพัก ห้องอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดครบถ้วนเลย ลองตามมาชมความอลังการของที่นี่กัน ว่าจะเวอร์วังแค่ไหน มาๆครับ
สำหรับตัวรีสอร์ทจะอยู่ในอำเภอเมืองเลย ติดแม่น้ำแคว เดินทางมาไหนไปไหนสะดวกแน่นอน ใกล้ที่เที่ยวอยู่หลายๆที่เลย สามารถขับรถมาตามพิกัดนี้ได้ > https://goo.gl/maps/tCHb1LMuPc2pNHoX7 ไม่มีหลงแน่นอนครับ ส่วนภายในมีที่จอดรถเยอะมาก เลือกจอดได้สบาย สถานที่เค้าใหญ่โตจริงๆ
จุดไฮไลท์แรกที่พวกเราชอบก็คือ “ล็อบบี้” ครับ แค่ย่างก้าวเข้ามาก็รู้สึกว้าวมาก โอ้โห่อลังเลย บรรยากาศแบบย้อนยุคมาก ระหว่างรอเช็คอิน ที่นี่จะมี “Welcome drink” เป็นน้ำฝางใบเตย ชื่นใจมาก (ฝาง = พืชไม้ชนิดนึง ที่เรามักนิยมนำมาทำน้ำอุทัยทิพย์นั่นเอง) จิบน้ำฝางไป ถ่ายรูปไป เหลือบไปเห็นที่จับประตูของที่นี่ สวยดีเป็นรูปดอกบัว สอบถามไปมา “ดอกบัว” คือสัญลักษณ์ประจำรีสอร์ทแห่งนี้ด้วยนะ เวลาเดินไปไหนในรีสอร์ท ก็มักจะเห็นดอกบัวอยู่ทั่วทุกแห่งเลย
เช็คอินเสร็จแล้ว ขอนำไปชมห้องพักกันต่อครับ รอบนี้พวกเราได้มีโอกาสมาพักที่ห้อง “Grand Suite” ห้องใหญ่มาก ขนาด 118 ตรม.เลย ภายในแบ่งออกเป็น 2 ส่วน จะมีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ พร้อมมุมโต๊ะอาหารและเค้าเตอร์บาร์ กว้างมากๆ มีผลไม้ต้อนรับชุดใหญ่ให้ด้วย ปล. ชอบเก้าอี้หวายที่นี่ครับ ใหญ่ดี นั่งดูทีวีหรืออ่านหนังสือได้สบายมากๆ ลูกสาวนั่งตลอดเลย
อีกส่วนนึงก็คือห้องนอนครับ ใหญ่เวอร์วังเช่นกัน ได้อารมณ์ย้อนยุคมากห้องนี้ ยิ่งมุมเก้าอี้นี่ใช่เลย สวยงามจริง ส่วนห้องน้ำจะมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่แยกกับส่วน shower ให้ ด้านหน้าห้องจะมีระเบียงใหญ่ (มาก) ไว้ชมวิวแม่น้ำอยู่ด้วย มีชุดโต๊ะเก้าอี้ + เก้าอี้นอนเตรียมไว้ให้ สามารถสั่งขนมอาหารมานั่งทานและชมวิวที่ระเบียงได้ด้วยนะ น่าจะชิลเลยแหละ
ขอพาไปชมอีกหนึ่งห้องพักนะครับ ห้องนี้ “Superior room” เป็นห้องเริ่มต้นของที่นี่ด้วย ขนาดห้องอยู่ที่ 52 ตรม. ถือว่าเป็นห้องเริ่มต้นที่ใหญ่มากนะ ห้องนี้จะมีเฉพาะเป็นวิวสวนนะครับ ถ้าต้องการเป็นวิวแม่น้ำต้องเป็น Deluxe room ซึ่งจะต่างกันแค่วิว ส่วนอื่นๆของห้องจะเหมือนกันหมด ส่วนราคาห้อง Superior จะอยู่ที่ 3,000+- บาทต่อคืน ถือว่าราคาดีเลย เทียบกับสถานที่แล้ว คุ้มมากๆครับ
หลังจากเช็คอินเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็มีโอกาสไปชิม “Afternoon Tea” ของที่นี่ จะมีให้บริการทุกวัน ช่วงบ่าย 2 ถึง 5 โมงเย็น ที่ “The Terrace” จะอยู่ที่โถงบริเวณล็อบบี้เลย อลังการมากๆ เหมือนกำลังได้ทานขนมอยู่ในวังเลย
รอบนี้ทางรีสอร์ทจัดชุดพิเศษ 2 ชุด (ใหญ่และเล็ก) มาให้เลย อลังการงานสร้างมากๆ หน้าตาดีและน่าทานสุดๆ ส่วนอีกโต๊ะทางรีสอร์ทมีจัดขนม “ชูโรส” ชุดใหญ่มาให้เล่นและชิมกันด้วย งานนี้ลูกสาวสนุกเลย ยังไม่จบๆนะ ทางรีสอร์ทจัดชุดพิเศษมาให้ลองอีก ตอนนี้กำลังโปรโมทเลยกับชุด “Coffee Candy” เป็นเซ็ทชากาแฟและมีสายไหมเสียบมาให้ด้วย เมนูนี้สนุกได้ทั้งครอบครัวเลย ใครมีโอกาสไปพัก ก็ลองสั่งเมนูนี้มาลองได้
ปล. ขนมและของหวานต่างๆที่นี่ จะมี “เชฟกบ” ผู้มากประสบการณ์จากโรงแรมเชน 5 ดาวอยู่หลายแห่ง เป็นผู้กำกับดูแลอยู่ทั้งหมด รับรองได้ว่าอร่อยถูกใจแน่นอน
ปิดท้ายด้วยเค้กตัวใหม่ล่าสุดของเชฟ เอามาให้ลองถึง 3 ตัว อร่อยจริงๆ จานแรก เป็นเค้กมูสสตอเบอรี่ ที่ใช้สตอเบอรี่จริงๆแบบ 100% มาทำเลย จานสอง เค้กมูส 3 ชั้น สำหรับใครที่ชอบช็อกโกแลต ห้ามพลาดเลย ชั้นล่างสุดคือดีงามมากๆ จานสุดท้าย ทีเด็ดอยู่ที่ตรงคาราเมลตัดกับช็อกโกแลตด้านล่าง ทานคู่กับกล้วย อร่อยมากๆครับเมนูนี้
ไปชมกันต่อกับในส่วนของห้องอาหารต่างๆของที่นี่กันบ้าง หลักๆจะมีอยู่ 2 ห้องอาหารใหญ่ ก็คือ Rice Barge และ Tiara มี “เชฟอ้วน” เป็น Executive Chef ดูแลในส่วนของอาหารทั้งหมดของที่นี่อยู่ พวกเราได้มีโอกาสชิมฝีมือเชฟหลากหลายเมนูมาก ทั้งไทยและฝรั่งเลย อร่อยมากๆครับ ลองตามชมบรรยากาศของห้องอาหารและเมนูต่างๆว่ามีอะไรน่าสนใจกันบ้าง
ขอพามาชมที่ห้องอาหาร “Rice Barge” กันก่อน เป็นห้องอาหารแรกที่พวกเราได้มีโอกาสมาชิม บรรยากาศดีงามมากๆ ตัวห้องอาหารมีลักษณะเป็นแพอยู่ริมน้ำ ตกแต่งด้วยสไตล์โคโลเนียลเช่นกัน โดดเด่นมากเพราะมองเห็นได้จากระเบียงห้องพักของพวกเราเลย ยิ่งบรรยากาศช่วงหัวค่ำเปิดไฟ จะงดงามมาก
สำหรับที่นี่หลักๆจะเสริฟเป็นอาหารไทยนะครับ โดยมี “เชฟอ้วน” – Executive Chef มาเป็นผู้ดูแลให้ด้วย รับรองว่าทุกเมนูนั้นดีงามจริงๆ ขอเริ่มต้นด้วย cocktail ที่เป็น Signature ของที่นี่เลย แก้วนี้ครับ “The Darken Tom Yum”
ถัดมาจะเป็นจานเรียกน้ำย่อย “กุ้งกระเบื้อง”
“แกงมัสมั่นเนื้อ”
“ต้มยำกุ้งแม่น้ำ”
“หลนปู”
“ฉู่ฉี่แซลม่อน”
“ปลากระพงทอดน้ำปลา”
ปิดท้ายด้วยของหวานสุดอลังจานนี้ “ขนุนยัดไส้ข้าวเหนียว” ตัวข้าวเหนียวมูนดีมากๆ เทกะทิลงไปนิดนึง แล้วทานทั้งคำกับขนุน อร่อยเหาะไปเลยยยยยย
มาต่อกันอีกหนึ่งห้องอาหารของที่นี่ “Tiara” เป็นห้องอาหารที่เสริฟแบบ All day-dining เลย มีทั้งไทยและยุโรป หลักๆที่นี่จะเป็นมื้อเช้าบุฟเฟ่ต์ให้กับแขกที่มาเข้าพัก เริ่มเสริฟกันตั้งแต่ 6.30 เช้าตรู่ อาหารหลากหลายดีครับ จัดเต็มตามมาตรฐานโรงแรม 5 ดาวเลย ลูกสาวชอบเมนูไข่กระทะ ตกแต่งหน้าตามาอย่างน่ารัก หลอกเด็กได้ดี 555
ไฮไลท์ของอาหารเช้า พวกเราขอยกให้มุมเบเกอรี่ครับ อร่อยเลยๆ จากฝีมือ “เชฟกบ” คนเดิม ใครไปพักแล้ว อย่าลืมไปหยิบมาชิมด้วยนะ ปล. ในไลน์อาหารก็มี “ชูโรส” ด้วยนะ แบบเดียวกับในเซ็ท afternoon tea เลย อร่อยมาก กินแล้วหยุดไม่ได้เลย
ในส่วนมื้อกลางวันพวกเราก็ยังคงกลับมาฝากท้องกันที่ห้องอาหาร “Tiara” อยู่เหมือนเดิม ทางเชฟใหญ่อย่าง “เชฟอ้วน” รอบนี้มาแนะนำเป็นอาหารฝั่งยุโรปกันบ้าง จัดมาหลากหลายเมนูเลย อร่อยๆเช่นกันครับ ไม่แพ้อาหารไทยมื้อก่อนของเชฟเลย ลองตามไปชมว่ามีเมนูอะไรน่าทานๆกันบ้าง …เมนูแรกเรียกน้ำย่อยกันก่อน “Salad Nicoise” หรือสลัดปลาทูน่ากับเดรสซิ่งมัสตาร์ด
ถัดมาเป็น “ซุปเห็ด”
“Wasabi Chicken Burger”
“Pork Cutlet” เป็นหมูสันนอกติดกระดูกย่างนะครับ
“Grilled Salmon”
ปิดท้ายด้วยจานนี้ “ไอศครีมกะทิสด” ทางเชฟบอกว่ากะทินี่คั้นเองด้วย สดๆแน่นอน
ไปชมกันต่อกับในส่วนของกิจกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของที่นี่กันครับ อย่างที่เกริ่นไปว่าที่นี่เป็นรีสอร์ทใหญ่และมีพื้นที่มาก ก็เลยมีกิจกรรมต่างๆให้เลือกทำอยู่ค่อนข้างเยอะเลย หลักๆที่เป็นไฮไลท์ที่ลูกสาวเล็งไว้ตั้งแต่เข้ามา ก็คือบริเวณสระว่ายน้ำใหญ่เลยครับ จะตั้งอยู่กลางรีสอร์ทเลย มี pool bar คอยให้บริการด้วย ถัดมาด้านข้างๆก็มีบ้านกระต่ายให้เยี่ยมชม เป็นกระต่ายที่ทางรีสอร์ทไปไถ่ชีวิตมา แต่ละตัวน่ารักอ้วนๆมาเลย
ถัดเข้ามาข้างในต่อ จะมีห้องฟิตเนสให้บริการด้วยเช่นกัน จะอยู่ชั้นเดียวกับสปาของที่นี่เลย มีชื่อว่า “Le Dheva Spa” บรรยากาศดีงามเลยครับ สงบน่าทำสปามากๆ มีห้องทำสปาเยอะเหมือนกันนะที่นี่ ด้านหลังมีห้องรวมใหญ่อีก อลังเลย รอบนี้ส่งภรรยาไปลองทำตัว “Le Dheva Warm Oil” 1 ชั่วโมง ดีเลยครับ โอกาสหน้าต้องขอไปลองใช้บริการดูเองบ้าง ปล. สปาที่นี่จะเปิดบริการตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้า – 21.00 น. ใครที่ไม่ได้มาพักที่นี่ ก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้นะครับ
เดินต่อเข้ามาแถวๆล็อบบี้ จะมีทางขึ้นไปที่ “ห้องสมุด” จะอยู่บริเวณชั้นบนครับ สามารถขึ้นไปใช้บริการได้ เงียบสงบดี มีหนังสือน่าอ่านอยู่หลายเล่มเลย ส่วนกิจกรรมอื่นๆที่น่าสนใจอีกก็มีปั่นจักรยาน ทางรีสอร์ทมีให้บริการยืมฟรีด้วยนะ สามารถปั่นวนรอบได้เลย มีทางให้ปั่นอย่างดีๆ
มาปิดท้ายกับอีกหนึ่งกิจกรรมสนุกๆของที่นี่กัน ก็คือ “Cooking Class” เป็นกิจกรรมที่สามารถมาร่วมทำกันได้ทั้งครอบครัวเลย รอบนี้ได้เชฟใหญ่อย่าง “เชฟอ้วน” และเชฟขนมหวานอย่าง “เชฟกบ” มาช่วยสอนด้วย เป็นเกียรติอย่างยิ่ง 555 สำหรับเมนูที่จะมาเริ่มทำกันก่อนก็คือ “ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ” บอกเลยว่าสนุกสนานมากๆ ทางเชฟก็ได้ให้ความรู้เป็นอย่างดี พวกเรามาพักรอบนี้ก็ได้วิชากลับไปด้วยนะเนี่ย
อีกหนึ่งเมนูที่พวกเราได้มาทำก็คือ “แต่งหน้าคัพเค้ก” งานนี้เข้าทางลูกสาวเลย มีพร็อบแต่งหน้าเค้กให้เลือกเล่นเพียบ ทางเชฟกบก็ได้สอนเทคนิคต่างๆให้เป็นอย่างดี รอบนี้ได้วิชากลับบ้านอีกแล้ว 555
ก็ขอมาสรุปปิดท้ายกันอีกครั้งนะครับ สำหรับที่นี่ “Away Kanchanaburi Dheva Mantra Resort & Spa” เป็นอีกหนึ่งรีสอร์ทในจังหวัดกาญจนบุรีที่สวยงามจริงๆ สไตล์โคโลเนียลแบบนี้ ได้อารมณ์เข้าถึงแบบย้อนยุคเหมือนได้มาย้อนอดีตเดินเล่นอยู่ในวังกันจริงๆ ทั้งตัวห้องพัก ห้องอาหาร รวมไปถึงอาคารต่างๆของที่นี่ ก็สวยงามอลังการจริง อีกทั้งยังมีกิจกรรมต่างๆให้เลือกทำเยอะแยะเลย พวกเราอยู่มา 2 คืนเต็มๆ ไม่มีเบื่อ อยากจะอยู่ต่ออีกซัก 2-3 วันด้วยซ้ำ 555 ก็สำหรับใครที่กำลังวางแผนมาเที่ยวกาญจนบุรี ลองแวะมาพักกันดู พวกเราแนะนำจากใจเลย ไม่มีผิดหวังแน่นอนครับ
Written by 9journeythailand